ดัชนี SET ต้นภาคเช้าลดลง 14.99 จุด ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ
ตลาดหุ้นไทยช่วงต้นภาคเช้าร่วงไปกว่า 10 จุด ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ หลังจากตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐดิ่งลงอย่างหนักเมื่อคืนนี้เนื่องจากผิดหวังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่มีมาตรการใหม่ๆ ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อเวลา 10.00 น. ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,483.14 จุด ลดลง 14.99 จุด (-1.00%) ufa
เรื่องของดัชนีหุ้นไทยที่นักลงทุนมือใหม่ควรรู้จัก
เมื่อพูดถึงตลาดหุ้น หลายคนคงเคยได้ยินประโยคเหล่านี้ตามสื่อต่าง ๆ ที่กล่าวกันว่า “ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปิดตลาดดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,739.24 เพิ่มขึ้น 8.64 จุด” และยังเกิดความสงสัยว่าดัชนีหุ้นที่กล่าวมามันคืออะไร?
ถ้าคุณเป็นหนึ่งในคนที่สงสัยต้องบอกว่าบทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักว่าดัชนีหุ้นไทยที่ควรทราบมีอะไรบ้าง แล้วเราจะได้ประโยชน์อะไรจากดัชนีหุ้น ซึ่งผมเชื่อว่าบทความนี้จะทำให้ผู้อ่านมีความเข้าใจเกี่ยวกับดัชนีหุ้นไทยมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
ดัชนีหุ้น คืออะไร?
ดัชนี มีความหมายว่า “เครื่องชี้วัด” เมื่อนำมารวมกับคำว่าหุ้นก็จะมีความหมายว่าเครื่องชี้วัดตลาดหุ้น ซึ่งดัชนีหุ้นเกิดจากการคำนวณทางสถิติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ในการติดตามการเปลี่ยนแปลง ให้มองเห็นภาพโดยรวมที่จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทยที่มือใหม่ควรทำความรู้จัก ได้แก่ SET Index, SET50 Index, SET100 Index, SETHD Index, mai Index และล่าสุด sSET Index ซึ่งดัชนีแต่ละตัวจะให้ข้อมูลเกี่ยวกับอะไร เราจะได้รู้จักในบทความนี้ โดยจุดประสงค์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการจัดทำดัชนีที่หลากหลายประเภทก็เพื่อให้นักลงทุนสามารถเห็นการเคลื่อนไหวของหุ้นแต่ละขนาดได้ชัดเจนและมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุนได้หลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการลงทุนของเรา เพื่อเป็นการไม่ให้เสียเวลา เรามาเริ่มกันเลย
SET Index คือ ดัชนีราคาหุ้นของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ (The Stock Exchange of Thailand) นิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า “ดัชนีหุ้นไทย” (เราได้ยินตามสื่อต่าง ๆ ส่วนมากจะหมายถึง SET Index) เริ่มจัดขึ้นในวันที่ 30 เมษายน 2518 ซึ่งเป็นวันแรกที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้เริ่มเปิดดำเนินการซื้อขาย โดย SET Index ตั้งขึ้นเพื่อเป็นดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมไปถึงหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ก็จะถูกคำนวณในดัชนีด้วยเช่นกัน ยกเว้น
- หุ้นที่ขึ้นเครื่องหมาย SP เกิน 1 ปี
- ผลิตภัณฑ์ทางการเงินชนิดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่หุ้นสามัญ
นอกเหนือจาก SET Index ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการจัดทำดัชนี SET50 และ SET100 ขึ้น เพื่อให้การลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดย SET50 Index จะคำนวณโดยใช้หุ้นสามัญจดทะเบียนที่ผ่านการคัดเลือก 50 อันดับแรก และ SET100 Index คำนวณโดยใช้หุ้นสามัญจดทะเบียนที่ผ่านการคัดเลือก 100 อันดับแรก ซึ่งหุ้นที่จะเข้าอยู่ใน SET50 และ SET100 มีเกณฑ์คัดเลือกหลักดังต่อไปนี้
- เป็นหุ้นสามัญที่ซื้อขายในตลาด และจดทะเบียนมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน (ยกเว้นกรณีหลักทรัพย์ที่ได้รับคัดเลือกตามเกณฑ์การเปลี่ยนแปลงรายชื่อหลักทรัพย์ระหว่างรอบ)
- ไม่นำหลักทรัพย์ที่ถูกขึ้นเครื่องหมาย SP เกิน 20 วันมาคำนวณ
- หุ้นมีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงสุด 200 ลำดับแรก โดยพิจารณาจากมูลค่าเฉลี่ยต่อวันย้อนหลัง 3 เดือน
- หุ้นที่มีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ผ่านเกณฑ์ไม่น้อยกว่า 20% ของทุนชำระแล้ว
- หุ้นมีมูลค่าการซื้อขายอย่างสม่ำเสมอตามสภาพปกติของตลาด
- เป็นหุ้นที่มีจำนวนหุ้นซื้อขายไม่น้อยกว่า 5% ของจำนวนหุ้นจดทะเบียน
mai Index เป็นดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญทุกตัวในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอทั้งหมด (สำหรับผู้ที่ไม่ทราบว่า mai คืออะไร ขอนิยามสั้น ๆ นะครับ mai เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกับ SET คือ ทำหน้าที่เป็นตลาดทุนที่ให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาระดมทุน แต่แตกต่างที่บริษัทเข้ามาจดทะเบียนจะเป็นกิจการขนาดกลาง ไปจนถึงขนาดย่อม)
นอกเหนือจากดัชนี SET50 และ SET100 ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้จัดตั้งดัชนีที่มีชื่อว่า SETHD (SET High Dividend 30 Index) ขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 กรกฏาคม 2554 เพื่อเป็นดัชนีที่สะท้อนการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสามัญที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงมีมูลค่าตามราคาตลาดสูง มีสภาพคล่องสูงอย่างสม่ำเสมอ โดยคัดเลือกมาเพียง 30 ตัว มีเกณฑ์คัดเลือกหลักดังต่อไปนี้
- เป็นหุ้นที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี SET100
- ต้องมีการจ่ายเงินปันผล (Cash Dividend) ติดต่อกันอย่างต่อเนื่อง 3 ปีล่าสุด
- ต้องมีอัตราส่วนการจ่ายปันผลต่อกำไรสุทธิ (Dividend Payout Ratio) ไม่เกิน 100% ในแต่ละปี ย้อนหลัง 3 ปี